การดิ้นรนต่อสู้เสริมสร้างพละกำลัง
โดย มาเรีย ฟอนเทน
พระองค์ทราบว่ากำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อเรา และพระองค์อยากจะให้กำลังใจเรามากๆ
กำลังใจมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เรามุ่งหน้าต่อไป แม้ในยามที่รู้สึกอยากล้มเลิก กำลังใจเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยยกชูเราได้ยอดเยี่ยมที่สุด กำลังใจจากพระเจ้าช่วยให้เรารู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตามลำพัง พระองค์เข้าใจสิ่งที่เราประสบ ถ้าเรายึดมั่นอีกสักหน่อย เราจะไปได้ตลอดรอดฝั่ง
พระคำของพระเจ้าครอบคลุมหัวข้อต่างๆ แต่บางครั้งคุณต้องอ่านบางสิ่งที่เป็นกำลังใจล้วนๆ ซึ่งช่วยมอบแรงกระตุ้นเป็นพิเศษ เมื่อคุณรู้สึกท้อแท้
ความงดงามของพระคำก็คือ ไม่ว่าจะเหมาะกับคุณ “เป๊ะ” เลย หรือเป็นหลักการที่นำมาปรับใช้ได้ หรือคุณอาจปรับแง่คิดให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณ หรือว่าพระองค์ใช้เพื่อบอกกล่าวคุณถึงบางสิ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวโยงกันเลย หรือช่วยให้คุณเห็นใจหรือเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ก็จะมีผลประโยชน์ต่อคุณ คุณจะได้รับผลที่หาค่ามิได้เสมอ จากการอ่านพระคำ ถ้าคุณอธิษฐาน เหมือนที่กษัตริย์เดวิดเคยอธิษฐานว่า “เปิดตาข้าให้เห็นความน่าอัศจรรย์ใจจากบัญญัติของพระองค์”[1]
ฉันขออธิษฐานให้ข่าวสารที่ให้กำลังใจจากคำพยากรณ์ต่อไปนี้ เป็นถ้อยคำที่พระองค์กล่าวอย่างเหมาะเจาะสำหรับคุณ ดุจ “แอปเปิลทองในถาดเงิน”[2]
พระเยซูกล่าวว่า
เจ้าอ่านเรื่องราวชายหญิงผู้ยิ่งใหญ่คนใดในอดีตดูก็ได้ ใครที่ทำงานรับใช้เรา เจ้าจะเห็นว่าไม่มีคนใดที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทุกคนต้องต่อสู้กับพญามาร ต่อสู้ความยากลำบาก ซึ่งชาวโลกผู้ไม่มีความเชื่อทับถมให้เขา ในระหว่างที่เขามีชีวิตอยู่
สำหรับเขาก็ดูเหมือนว่าบางครั้งเราไม่ตอบคำอธิษฐานของเขาเสมอไป หรือว่าเราให้สิ่งต่างๆ ยากลำบากเกินกว่าที่เขาคิดว่าจะรับไหว แต่ช่วงเวลายากลำบากและอุปสรรคต่างๆ คือสิ่งที่บันดาลให้เขาส่องแสงเจิดจ้าเพื่อเรา โดยช่วยให้เขาเป็นแบบอย่างความอดทน ถึงการอุทิศตนและความรักที่มีต่อเรา นับจากวันนั้นเรื่อยมาจนถึงวันนี้ และตราบชั่วนิรันดร์
“ในโลกเจ้าจะประสบความทุกข์ยาก”[3] ชีวิตในโลกนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมีความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก ความสูญเสีย การดิ้นรนต่อสู้ และความพยายามอย่างหนัก ถ้าหากตัดการเสียดสีทุกอย่างไปเสีย และให้เจ้าล่องลอยไปสบายๆ ในชีวิต นั่นคงไม่ใช่โลก นั่นคงเป็นสวรรค์
สวรรค์คืออาณาจักรของเรา ที่ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง จะไม่มีความผิดหวังใดๆ ทว่าโลกคือสมรภูมิ เป็นที่ซึ่งเจ้าจะประสบกับความยากลำบาก ความรันทดใจ ความเจ็บปวด และน้ำตา
เจ้ากำลังส่องแสงสว่างของเราในโลกนี้ ทั้งๆ ที่ประสบความยากลำบากต่างๆ นานา ด้วยเหตุนี้เราจะยกย่องเจ้าอย่างสูงส่งในวันหนึ่งข้างหน้า แต่อย่าประหลาดใจว่าในโลกนี้มีความยากลำบาก ทุกคนที่เคยทำอะไรมีค่าสำหรับเรา ต่างก็พบว่าเป็นเช่นนั้น จะดูยากลำบากเสมอ เมื่อเจ้าพยายามดำเนินชีวิตเพื่อเราในโลกนี้
ในสวรรค์เราจะบันดาลให้ทุกอย่างสมบูรณ์เพียบพร้อม ทว่าไม่ใช่โลกนี้ ยังไม่เป็นเช่นนั้น ยังไม่ถึงเวลา การที่จะตอบคำอธิษฐานของเจ้าแต่ละคน ตามที่เจ้าปรารถนา โดยแก้ไขสถานการณ์ทุกอย่าง และขจัดขวากหนามไปให้หมด ก็จะเป็นการทำลายวัตถุประสงค์ที่เจ้ามาอยู่ในโลก
กุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาการทดสอบไปได้ ก็คือ ระลึกไว้ว่าเราไม่เคยสัญญาว่าจะราบรื่น แต่สัญญาว่าเจ้าจะฝ่าพายุไปได้ ให้บททดสอบส่งเจ้าทะยานฝ่าพายุไป โดยช่วยเจ้าให้เป็นพรและเกื้อหนุนผู้อื่น เพราะเจ้าเคยอยู่ในสภาพเดียวกับเขา และเจ้ารู้ว่าเป็นเช่นไร
การดิ้นรนต่อสู้เสริมสร้างพละกำลังให้แก่เจ้า ทว่าสิ่งที่เจ้าเห็นว่าเป็นการดิ้นรนต่อสู้ เราเห็นว่าเป็นสง่าราศีของเจ้า เราอยากให้เจ้าเข้ามาใกล้ชิดเรายิ่งขึ้น และอยากปลอบโยนเจ้า เราอยากมอบกำลังใจแก่เจ้า และบอกเจ้าว่าเราภูมิใจในตัวเจ้า ที่เจ้าคงไว้ซึ่งศรัทธาและความสัตย์ซื่อต่อเรา
มีความปวดร้าวในโลกนี้ ทว่ามีบำเหน็จรางวัลยิ่งใหญ่ในสวรรค์ มีการเสียสละอย่างมากในโลกนี้ ทว่ามีสง่าราศีรุ่งโรจน์ในสวรรค์ บางครั้งก็มีความสับสนและความสงสัย แต่วันหนึ่งข้างหน้าเจ้าจะได้เห็นเราซึ่งๆ หน้า และเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์รู้จักข้าอย่างแจ่มแจ้ง[4]
ขอให้มีกำลังใจ และรู้ว่าเราเคียงข้างเจ้าเสมอ เราสัญญาว่าเราจะไม่มีวันให้เจ้าล้มพับใต้ภาระหนักอึ้ง ความปรานีของเราจะเพียงพอสำหรับเจ้า เราจะช่วยให้เจ้าฝ่าพายุและความทุกข์ยากในชีวิตนี้ จนได้รับชัยชนะงดงาม ขอให้สดชื่นแจ่มใส เราพิชิตโลกนี้แล้ว!
การสู้ศึกและปัญหาจะเกิดขึ้นเสมอในชีวิตนี้ ทว่าชัยชะมาจากการหมายพึ่งเรา ไว้วางใจเรา และเชื่อฟัง ไม่ว่าเจ้าจะตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นไร ถึงแม้ว่าเจ้าไม่เข้าใจ ขอให้ระลึกไว้ว่า ถ้าเจ้าเชื่อ ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับผู้ที่เชื่อ[5]
โมเสสไม่เข้าใจว่าเราจะช่วยเขาข้ามทะเลแดงอย่างไร กีเดี้ยนไม่รู้เลยว่าเราจะช่วยให้เขาชนะศึกได้อย่างไร ด้วยทหารแค่ 300 คน โนอาไม่เข้าใจเลยเกี่ยวกับเรือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรือคืออะไร ต้องอาศัยเวลา 120 ปี เขาถึงได้รู้ เขามองไม่เห็นภาพในบั้นปลาย เมื่อเขาเริ่มบันทึกสัดส่วนของเรือลำนั้น เขาไม่รู้หรอกว่าจะลงเอยอย่างไร เขาเพียงแต่ทำตามเรา ทีละวัน ทีละย่างก้าว เขาไม่ยอมล้มเลิก หรือยอมแพ้ เมื่อฝูงชนพากันเย้ยหยัน เขาจับตาไว้ที่เรา และจับตาอยู่ที่จุดหมาย นี่เองเขาจึงไปรอด ตลอด 120 ปีอันยาวนาน โดยก้าวไปทีละวัน ด้วยศรัทธาเท่านั้น
ขอให้ชีวิตเจ้าเกิดผลสูงสุดบนโลกนี้ โดยถือว่าเป็นความยินดีและเกียรติ เมื่อเจ้าต้องสู้ศึก และประสบความทุกข์ร้อนใจ[6]
เจ้าฟันฝ่าไปได้! เจ้าจะไปรอด! เจ้ามาไกลถึงขั้นนี้ด้วยศรัทธา อย่าล้มเลิก มุ่งหน้าต่อไปเพื่อเรา! สู้ต่อไปให้สุดใจ เจ้าทำได้!
*
เรามีพระเจ้าผู้แสนวิเศษ พระบิดาของพระเยซูคริสต์ ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา และการปลอบโยน ผู้เสริมสร้างพละกำลังให้แก่เราในยามทุกข์ร้อน เหตุใดพระองค์จึงทำเช่นนั้น เพื่อว่าเมื่อผู้อื่นทุกข์ร้อน ต้องการความเห็นใจและกำลังใจ เราจะได้ช่วยปลอบใจเขา เช่นเดียวกับที่พระเจ้าปลอบโยนเรา คุณแน่ใจได้ว่ายิ่งเราประสบกับความทุกข์ยากเพื่อพระคริสต์มากเท่าไร พระองค์ก็จะให้การปลอบโยนและกำลังใจพรั่งพรูมาสู่เรามากขึ้นเท่านั้น
เราต้องทนทุกข์แสนสาหัส เพราะการปลอบโยนและความรอดของพระเจ้าที่เรานำมามอบให้คุณ แต่พระเจ้าปลอบโยนเราในยามที่ทุกข์ร้อน นี่มีส่วนช่วยคุณด้วย โดยแสดงให้คุณเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวของเรา ว่าพระเจ้าจะปลอบคุณอย่างอ่อนโยน เมื่อคุณต้องทุกข์ยากเช่นกัน พระองค์จะมอบพละกำลังให้คุณทนไหว – 2 โครินธ์ 1:3-7[7]
จัดพิมพ์ครั้งแรก เดือนมีนาคม ค.ศ.2007 ปรับเปลี่ยนและจัดพิมพ์ใหม่ เดือนมิถุนายน ค.ศ.2014