เคล็ดลับสู่ความชื่นชมยินดี
โดย มาเรีย ฟอนเทน
เป็นการง่ายที่จะเห็นว่าเราต้องผ่านประสบการณ์ที่มีความสุข ช่วงเวลาที่น่าชื่นชมยินดี มีสันติสุข และความอิ่มเอิบใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราผ่านพ้นชีวิตนี้ไปได้ ทว่าอาจเป็นสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเราพยายามเข้าใจความจำเป็นที่ต้องประสบกับความทุกข์ทรมาน ความเจ็บป่วย ความเหงา หรือความเศร้าโศก
ข้อแตกต่างระหว่างแง่บวกและแง่ลบ ช่วยให้เรามีมุมมองที่แท้จริง เราเห็นคุณค่าความสว่าง เพราะเราเคยเจอกับความมืด เราเห็นคุณค่าความหวังจริงๆ ก็ต่อเมื่อเราได้เจอกับความสิ้นหวัง การอวยพรนำมาซึ่งความยินดีล้นพ้นที่สุด เพราะเราเคยสัมผัสชีวิตที่ปราศจากพรในบางครั้ง เราเห็นคุณค่าสุขภาพดี เพราะเราเคยประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ และเราเข้าใจคุณค่าของการที่มีคนรักเรา เพราะเราทราบดีว่าความรู้สึกเหงานั้นเป็นเช่นไร
ฉันไม่คิดว่ามีใครชื่นชอบความทุกข์ทรมาน ความยากลำบาก โรคภัยไข้เจ็บ ความเจ็บปวด และความยากลำบากในชีวิต ทว่าท่านเปาโลบอกไว้ในพระคัมภีร์ว่าท่านตั้งใจแน่วแน่ที่จะถวายสง่าราศี ในยามที่ท่านอ่อนแอ เพื่อว่าพลังของพระเจ้าจะได้สถิตอยู่กับท่าน[1] เมื่อเราหมายพึ่งพระองค์ ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร เมื่อนั้นแหละพลังของพระองค์จะสถิตอยู่กับเรา และมอบพละกำลังที่จำเป็นให้เราก้าวต่อไป รวมทั้งมอบศรัทธาที่จำเป็นเพื่อเราจะได้ไว้วางใจพระองค์ และมอบความเข้าใจของพระองค์ เพื่อจะเราได้รับผลดีทั้งสิ้น ซึ่งพระองค์สัญญาว่าจะมอบให้
ต่อไปนี้คือข้อคิดบางส่วนจากผู้คนที่เป็นเช่นเดียวกับคุณและฉัน ผู้ซึ่งสำนึกอย่างลึกๆ ถึงการที่ตนเองบกพร่องและขาดความสามารถ เขาค้นพบความจริงที่ลึกซึ้ง เพราะเขาหันไปหาพระเจ้า ในยามที่ยุ่งยากใจ และพระองค์เดินเคียงข้างไปกับเขา จนผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ นอกจากนี้ มีข้อเรียบเรียงถ้อยคำจากพระเยซูบางส่วนที่เป็นกำลังใจ
ข้อคิดเรื่องศรัทธาและความหวัง ท่ามกลางความทุกข์ทรมาน
ความขอบคุณคือเคล็ดลับสู่ความชื่นชมยินดี — ผู้ประพันธ์นิรนาม
โดยสัญชาติญาณแล้ว มนุษย์เราถือว่าโลกที่มองเห็น คือโลกที่ “แท้จริง” ส่วนโลกที่มองไม่เห็น คือโลก “ที่ไม่จริง” ทว่าพระคัมภีร์บ่งบอกไว้กลับกันเลยก็แทบจะว่าได้ — ฟิลลิป แยนซี
เรามีความรัก และแสนดี ในวันที่มีเมฆหมอกและพายุ เช่นเดียวกับวันที่อากาศแจ่มใส ถ้าหยาดฝนหรือสายฟ้าแลบแต่ละครั้ง ทำให้เจ้าหมดศรัทธา และสงสัยในความรักของเรา เจ้าจะยืนหยัดได้อย่างไร ขอให้สรรเสริญเรา เมื่อประสบช่วงเวลาเลวร้าย มองหาส่วนดี และอวยพรเรา ให้เกียรติเรา ด้วยการไว้วางใจเรา ถึงแม้ในยามที่เจ้าไม่เข้าใจก็ตาม — พระเยซู กล่าวในคำพยากรณ์
ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับความทุกข์ทรมาน กลับกลายเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้เพื่อพระเจ้า หรือเพื่อต่อต้านพระเจ้าก็ได้ บ่อยครั้งความทุกข์ทรมานเร่งรัดเราไปตามแนวทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไปอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะมุ่งหน้าไปหาพระเจ้า หรือว่าหนีไปจากพระเจ้า — เดวิด แม็คเคนน่า
อย่าส่ายศีรษะ เมื่อเห็นพ่อหรือแม่คนใด กับลูกที่เป็นเด็กพิเศษ และกล่าวว่าฉันไม่มีทางรับไหว คุณคงรับไม่ได้หรอก นี่เองพระเจ้าถึงไม่ได้ขอให้คุณรับไว้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ขอให้ใช้เวลาพิจารณาอย่างจริงจัง ว่าคุณจะมีใจยินดีต่อไปได้อย่างไร ในสถานการณ์ส่วนตัวของคุณโดยเฉพาะ ขอให้ยอมรับสภาพการณ์ของคุณ ว่าเป็นของขวัญจากพระองค์ และกล้าที่จะขอบคุณพระองค์ สำหรับสภาพการณ์ดังกล่าว — โจนี อีเร็คสัน ทาดา
นึกถึงชั่วขณะที่แย่ที่สุด เมื่อประสบกับความเศร้าโศก และการสูญเสีย แล้วระลึกไว้ว่าคุณยังจำได้ คุณผ่านพ้นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตมาได้ คุณผ่านความรันทดใจมาได้ คุณผ่านความทุกข์ร้อนใจมาได้ คุณทนรับเครื่องล่อใจ คุณรอดพ้นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีมาได้ คุณกำลังจะผ่านพ้นความมืดออกมา นึกถึงสิ่งที่ไม่ดี ... แล้วดูว่าคุณอยู่ที่จุดไหนแล้ว เมื่อเราระลึกว่าชีวิตเคยยากลำบากเพียงใด และเรามาไกลแค่ไหนแล้ว ก็จะสร้างข้อแตกต่างที่ชัดเจนในความคิดของเรา และข้อแตกต่างนี้จะอุดมไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ — ศาสนาจารย์ ปีเตอร์ โกมส์
เมื่อเจ้าสรรเสริญเราท่ามกลางความยากลำบาก คำสรรเสริญของเจ้าไม่ใช่ความรู้สึกที่เจ้ามีต่อสถานการณ์นั้น ทว่าเป็นความรู้สึกที่เจ้ามีต่อเรา เจ้าไม่ได้ยกย่องสถานการณ์ที่ไม่ดี เจ้าถวายสง่าราศีเรา โดยบอกเราว่าไม่ว่าสถานการณ์นี้จะเป็นเช่นไร เจ้ารู้ว่าเราสถิตอยู่ด้วย เนื่องจากว่าเราสถิตอยู่ด้วย ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี — พระเยซูกล่าวในคำพยากรณ์
มีกรอบความคิดของชาวตะวันตกที่เจริญรุ่งเรือง ว่าเราสมควรมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความเจ็บปวด และปลอดเรื่องยุ่งยากใจ เมื่อชีวิตเป็นไปในทางกลับกัน เรา [สมมุติว่าเป็นเรา] มีสิทธิ ไม่เพียงที่จะกล่าวโทษคนอื่น หรือโทษระบบอะไรสักอย่าง และรู้สึกสงสารตัวเอง ทว่าเรามีสิทธิด้วยที่จะอุทิศเวลาส่วนใหญ่เพื่อรับมือกับมัน จนเราไม่มีเวลาหรือเรี่ยวแรงเหลือ เพื่อรับใช้ผู้อื่น — จอห์น ไพเพอร์
เมื่อประสบกับความทุกข์ทรมาน อธิษฐานขอให้เรื่องทุกข์ร้อนใจช่วยเพิ่มพูนศรัทธาของคุณ — บ็อบ โอแบนนอน
อย่าอธิษฐานขอให้ภาระเบาบางลง อธิษฐานขอให้มีหลังแข็งแกร่งขึ้นที่จะแบกภาระดังกล่าว — ผู้ประพันธ์นิรนาม
เมื่อใดที่รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ อย่ากล่าวว่า “ฉันอ่อนแอ” แต่มองหาทางแก้ เพราะมีคำตอบอยู่ในพระคำของพระเจ้า — จอห์น คาลวิน
จอมปีศาจพ่ายแพ้เมื่อใด ไม่ใช่ตอนที่เรารู้สึกยอดเยี่ยมและมั่นใจ เมื่อดูเหมือนว่ามีสิ่งแสนวิเศษเกิดขึ้น เมื่อการงานดำเนินไปด้วยดี (ผมขอบอกทุกคน เพราะเราทุกคนทำหน้าที่การงาน เราทุกคนมีความรับผิดชอบที่พระเจ้ามอบให้) ไม่ใช่หรอก จอมปีศาจพ่ายแพ้ เมื่อเรารู้สึกว่าถูกโจมตี และโดนยิงกราด เมื่อเรารู้สึกอ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อเราไม่แน่ใจว่าจะตอบรับอย่างไร เมื่อเราสับสนงุนงง และรู้สึกว่าอ่อนแอ เรามาเข้าเฝ้าพระองค์ และอ้อนวอนพระองค์ เพื่อขอพละกำลังที่จะก้าวต่อไปอีกวันหนึ่ง และขอความปรานีที่จะช่วยให้เรายืนหยัด — เรย์ สเตดแมน
ในยามยุ่งยากใจ ก่อนอื่นขอให้กล่าวว่า พระองค์นำฉันมาที่นี่ เป็นความประสงค์ของพระองค์ที่ฉันอยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ฉันจะไว้วางใจ แล้วกล่าวต่อไปว่า พระองค์จะปกปักรักษาฉัน ในความรักของพระองค์ และมอบความปรานีให้ฉัน ในยามทุกข์ร้อนใจเช่นนี้ เพื่อฉันจะได้ประพฤติตนเยี่ยงลูกของพระองค์ แล้วกล่าวต่อไปว่า พระองค์จะบันดาลให้เรื่องทุกข์ร้อนใจกลับกลายเป็นพร และสอนบทเรียนที่พระองค์มุ่งหมายให้ฉันเรียน แล้วดำเนินงานในใจฉันด้วยความปรานีที่พระองค์ตั้งใจจะมอบให้ ประการสุดท้าย ในเวลาอันควร พระองค์จะช่วยฉันให้ผ่านพ้นไปได้ พระองค์รู้ว่าจะทำอย่างไร และจะทำเมื่อใด ขอให้กล่าวว่า ฉันอยู่ที่นี่ (1) ตามที่พระเจ้ากำหนดไว้ (2) ในความปกป้องคุ้มครองของพระองค์ (3) ภายใต้การฝึกอบรมของพระองค์ (4) ในเวลาของพระองค์ — แอนดรูว์ เมอเรย์
พระเจ้าไม่กังวลกับแผนการของเรา พระองค์ไม่ได้ถามว่า “เจ้าอยากประสบการสูญเสียคนอันเป็นที่รัก ความยากลำบาก หรือความพ่ายแพ้นี้ไหม” เปล่าเลย พระองค์บันดาลให้เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์ของพระองค์ สิ่งที่เราประสบจะทำให้เราอ่อนหวานยิ่งขึ้น ดีขึ้น และมีคุณธรรมมากขึ้น หรือไม่ก็ทำให้เราวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น คอยจับผิด และยืนกรานจะทำตามทางของเรามากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้เราเลวร้าย หรือไม่ก็ทำให้เราเป็นผู้ที่บริสุทธิ์มากขึ้น สุดแล้วแต่สัมพันธภาพที่เรามีกับพระเจ้า และความแนบชิดกับพระองค์ โดยสิ้นเชิง — ออสวาล์ด เชมเบอร์ส
ยังมีสันติสุขในโลกที่ยุ่งยาก มีสันติสุขในที่เงียบๆ จากการพักพิงในอ้อมแขนของเรา ซึ่งเจ้าเข้ามาได้ทุกเมื่อ ในวิญญาณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรรอบข้าง ถ้าเจ้าพบว่าตัวเองหาสถานที่พิเศษนั้นไม่ค่อยพบ ขอให้ปลีกเวลาฝึกไปที่นั่น ทำความคุ้นเคยกับเส้นทางที่พาเจ้าไปที่นั่น ยิ่งเจ้าไปบ่อยเท่าไร ก็ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น ทางหลบหลีกดังกล่าวเป็นพร เมื่อสภาพการณ์ตึงเครียดเกินไป หรือเมื่อจิตวิญญาณเจ้าต้องได้รับการพักผ่อน — พระเยซู กล่าวในคำพยากรณ์
(คำแปล)
เมื่อก่อนเคยนึกถึงแต่พร
ตอนนี้นึกถึงพระองค์ท่าน
เมื่อก่อนมีความรู้สึกของฉัน
ตอนนี้หันหาพระคำหวังพึ่งพา
เมื่อก่อนต้องการได้ของขวัญ
ตอนนี้ฉันขอมีท่านผู้จัดหา
เมื่อก่อนเคยขอให้ท่านเยียวยา
ตอนนี้ขอบอกว่ามีท่านผู้เดียว
เมื่อก่อนเคยพยายามเรื่อยมา
ตอนนี้จะเลิกราขอไว้วางใจ
เมื่อก่อนเพียงกึ่งหนึ่งถึงรอดได้
ตอนนี้ท่านให้ความรอดสมบูรณ์
เมื่อก่อนยึดเหนี่ยวไม่วางวาย
ตอนนี้กลายเป็นท่านผู้เกื้อกูล
เมื่อก่อนใจสั่นคลอนกลัวเสื่อมสูญ
ตอนนี้เพิ่มพูนความเชื่อมั่นในใจ
เมื่อก่อนคอยวางแผนไม่ได้ขาด
ตอนนี้ไม่พลาดคอยเฝ้าอธิษฐาน
เมื่อก่อนต้องกลัดกลุ้มทุกวันวาน
ตอนนี้ขอให้ท่านช่วยดูแลจัดการ
เมื่อก่อนเคยชอบเอาแต่ใจ
ตอนนี้ขอให้พระเยซูช่วยสั่งการ
เมื่อก่อนมัวแต่พร่ำขอยาวนาน
ตอนนี้ขอสรรเสริญและขอบคุณ
เมื่อก่อนเคยเป็นผู้ที่ทำทุกอย่าง
ตอนนี้จะเปิดทางขอท่านทำให้
เมื่อก่อนเรียกท่านมาช่วยรับใช้
ตอนนี้ขอให้ท่านเรียกใช้แทน
เมื่อก่อนต้องการจะมีอำนาจ
ตอนนี้บทบาทท่านยิ่งใหญ่แสน
เมื่อก่อนมัวแต่คอยหวงแหน
ตอนนี้ขอให้เป็นท่านผู้เดียว
เมื่อก่อนเคยหวังพึ่งพระเยซูท่าน
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นเจ้าของ
เมื่อก่อนแสงริบหรี่คอยเหลือบมอง
ตอนนี้แสงส่องเจิดจ้านำทางไป
เมื่อก่อนนอนรอคอยมัจจุราช
ตอนนี้ป่าวประกาศท่านมาใกล้
มีความหวังแน่วแน่เหนือสิ่งใด
ด้วยอุ่นใจในอ้อมแขนท่านสืบไป — เอ บี ซิมพ์สัน
จัดพิมพ์ครั้งแรก เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2013 จัดพิมพ์ใหม่บนจุดยึดเหนี่ยว เดือนสิงหาคม ค.ศ.2015
[1] 2 โครินธ์ 12:9