การเป็นพยานที่มีความสอดคล้อง
โดย ปีเตอร์ อัมสเตอร์ดัม
หลักการหรือแง่คิดบางอย่างที่ยอมรับกันว่าเป็นรากฐานของทางตะวันตก ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งไม่มั่นคงเหมือนที่เชื่อกัน อาทิเช่น “ถ้ามีการศึกษาดี และทำงานหนัก คุณจะก้าวหน้า” นี่ปรับใช้ไม่ได้เหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา มีหลายคนที่รู้สึกไม่มั่นคงเกี่ยวกับอนาคต เขามีความไว้วางใจน้อยลงมากต่อสถาบันการปกครอง ศาสนา และการศึกษา หรือความน่าเชื่อถือในสิ่งที่เขาอ่านและได้ยิน จากข่าวและสื่อมวลชน แม้แต่การออมทรัพย์ก็มีภาวะเสี่ยงมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินหลายแห่งล้ม และเศรษฐกิจในหลายประเทศจวนจะล่มสลาย
สภาพแวดล้อมด้านวัฒนธรรม สังคม ภูมิปัญญา ทางโลกย์ และศีลธรรมในปัจจุบัน เต็มไปด้วยข้อสงสัยข้องใจ ความหวาดระแวง และการปฏิเสธที่แพร่หลาย ต่อสิ่งที่เคยเป็นมาตรฐานและค่านิยมที่ยอมรับกันมาตลอดหลายปี สิ่งนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อคนจำนวนมาก ในเรื่องค่านิยม จรรยาบรรณ มุมมองต่อโลก ความสัมพันธ์กับฝ่ายปกครอง และสัมพันธภาพกับผู้อื่น มีหลายคนที่ไม่แน่ใจมากขึ้นว่าจะฝากความไว้วางใจไว้กับอะไรดี ขณะที่บางคนอาจหันมาใส่ใจในพระกิตติคุณ เพราะสถานการณ์โลกและสังคม ส่วนบางคน สภาพแวดล้อมของโลกปัจจุบัน ทำให้ยากขึ้นมากที่เขาจะเชื่อมโยงกับพระกิตติคุณ เรื่องที่จะเชื่อหรือรับไว้ ก็ยิ่งยากขึ้นอีก
สิ่งนี้ก่อให้เกิดความท้าทายนานัปการ ต่อพวกเราผู้ปวารณาตนที่จะแบ่งปันพระกิตติคุณ ข้อสำคัญที่สุดคือ เราได้รับมอบหมายให้นำข่าวสารเกี่ยวกับบุรุษผู้มีชีวิตและสิ้นใจ แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา เมื่อ 2,000 ปีก่อน โดยเอ่ยอ้างว่านี่คือข่าวสารสำคัญที่สุดที่เขาเคยได้ยินได้ฟัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคริสเตียนในอดีตก็มีความท้าทายเช่นกันในสมัยของเขา ทว่าโลกปัจจุบันคือความท้าทายของเรา
เราเผชิญหน้ากับความท้าทายในวิธีการนำเสนอพระเยซู ในแง่ที่สอดคล้องกับผู้ที่เราติดต่อสื่อสารด้วย โดยเฉพาะในหลายประเทศที่ไม่ใช่คริสเตียน ซึ่งอาจมีค่านิยมที่ทำให้ความเชื่อคริสเตียนไม่สอดคล้องกับชีวิตและมุมมองที่เขามีต่อโลก บางครั้งก็ยากที่จะหยิบยกเรื่องพระเจ้าขึ้นมาพูดคุย ส่วนเรื่องพระเยซูก็ยิ่งยากขึ้นอีก เนื่องจากโลกนิยม วัตถุนิยม และปัญญานิยมที่แพร่หลาย เข้ามาแทนที่ความเชื่อในพระเจ้า และเป็นเหตุให้พระองค์ไม่สอดคล้องกับระบบความเชื่อของเขา
แต่ละบุคคลในทุกประเทศหรือวัฒนธรรม สมควรและจำเป็นต้องได้ยินพระกิตติคุณ ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราได้รับมอบหมายให้นำพระกิตติคุณไปมอบให้ผู้คนในบ้านเมือง วัฒนธรรม และชุมชนที่เราอาศัยอยู่ ในแง่ที่สอดคล้องกับเขา โดยอธิบายข่าวสารในลักษณะที่เขาเข้าใจและยอมรับได้ง่าย นี่หมายความว่าการมอบข่าวสาร น้ำเสียง แง่มุมที่นำเสนอ ภาพลักษณ์ และระยะเวลาที่มอบให้นั้น จะแตกต่างกันไป สุดแล้วแต่ประเทศและวัฒนธรรมที่เราอาศัยอยู่ รวมทั้งรายบุคคลที่เราพูดคุยด้วยอย่างแน่นอน
ขณะที่ข่าวสารพื้นฐานเบื้องต้นของพระกิตติคุณนั้นเหมือนกัน ทว่าวิธีการส่งมอบ การบอกเล่าถึงเรื่องพระเยซู การเน้นแง่มุมข่าวสาร หรือในบางกรณีการย่อใจความ ก็มีส่วนสำคัญในการมอบพระกิตติคุณเพื่อให้เข้าใจง่ายและสอดคล้อง
ความท้าทายส่วนหนึ่งคือ การหาวิธีส่งมอบที่เหมาะกับผู้ที่คุณเป็นพยานด้วย คนส่วนมากในปัจจุบันเบื่อหน่ายกับข่าวสารที่ได้ยินได้ฟัง ทำไมจะไม่เป็นเช่นนั้นล่ะ ทุกวันมีข่าวสารที่ประดังเข้ามารอบด้าน ทั้งทางอินเตอร์เน็ต โทรทัศน์ ข่าว โฆษณา และอะไรต่อมิอะไร โดยอ้างว่านี่คือแนวคิดและจุดยืนที่ถูกต้อง เขามองว่าข่าวสารเรื่องพระกิตติคุณอาจดูเหมือนโฆษณาอีกอย่างหนึ่ง ที่บอกว่าเขาจำเป็นต้องมีอะไร ควรดำเนินชีวิตเช่นไร และสิ่งใดจะทำให้เขามีความสุข บ่อยครั้งผู้คนมีแนวโน้มที่จะไม่เชื่อข่าวสารเช่นนั้น เพราะจากประสบการณ์ของเขา ข่าวสารส่วนมากไม่ค่อยมีเหตุผลหรือฟังไม่ขึ้นเลย ผู้คนมองหาคำตอบ แต่หลายคนระมัดระวังว่าเขาจะไว้วางใจอะไรดี
แน่นอนว่าสิ่งที่จะดึงดูดใจบางคนให้หันมารับฟังพระกิตติคุณในบางแห่ง อาจไม่น่าสนใจสำหรับผู้คนในที่อื่นหรือสถานการณ์อื่น หลักเรื่องการกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่อัครสาวกเปาโล กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 9 จึงเข้ามามีบทบาท
ต่อพวกยิว ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนยิว เพื่อจะได้ชนะใจพวกยิว ต่อพวกที่อยู่ใต้พระบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนที่อยู่ใต้พระบัญญัติ (แม้ข้าพเจ้าจะไม่ใช่ผู้ที่อยู่ใต้พระบัญญัติ) เพื่อจะได้ชนะใจคนที่อยู่ใต้พระบัญญัตินั้น ต่อคนที่อยู่นอกพระบัญญัติ ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนคนนอกพระบัญญัติ เพื่อจะได้ชนะใจคนที่อยู่นอกพระบัญญัตินั้น (แต่ข้าพเจ้ามิได้อยู่นอกพระบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระบัญญัติแห่งพระคริสต์) ต่อคนอ่อนแอ ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ เพื่อจะได้ชนะใจคนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้าง โดยทุกวิถีทาง[1]
นี่คือหลักการที่สำคัญ ซึ่งนำมาปรับใช้ได้กับวัฒนธรรมต่างๆ และรายบุคคลด้วย ท่านเปาโลกล่าวว่าจำเป็นที่จะเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเข้าใจว่าผู้คนและวัฒนธรรมแตกต่างกัน การที่จะชนะใจเขาได้ ก็สำคัญที่จะสำนึกว่าสิ่งใดเชื่อมโยงกับเขา สิ่งใดที่สำคัญต่อเขา และเข้าถึงเขาในแง่มุมที่เขาสนใจ หรือในวัฒนธรรมของเขา ก่อนที่เขาจะแสดงความสนใจว่าสิ่งใดทำให้คุณแตกต่างไป เขาต้องสังเกตเห็นสิ่งที่คุณมีเหมือนกับเขา และเห็นว่าคุณเชื่อมโยงกับเขาได้ ไม่ใช่ว่าคุณไม่รับรู้ประเด็นที่เขาสนใจ
การที่จะเข้าถึงผู้คนในบ้านเมืองของคุณ คนที่คุณทำงานด้วย เพื่อนบ้าน และคนรู้จักมักคุ้น เริ่มต้นด้วยการเข้าใจเขา วัฒนธรรมของเขา และสิ่งที่เขาถือว่ามีคุณค่า เป็นสิ่งสำคัญที่จะมีส่วนเชื่อมโยงกับเขา เขาจะได้เกิดความไว้วางใจคุณ ในฐานะรายบุคคล เมื่อเขาไว้วางใจคุณ เขาก็จะเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณบอกเล่าสู่เขาฟัง ถึงเรื่องพระเจ้า ความรัก และพระบุตรของพระองค์
โลกเปลี่ยนไป โลกกำลังเปลี่ยน แล้วจะเปลี่ยนต่อไป การที่จะเข้าถึงผู้อื่นด้วยพระกิตติคุณอย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยมอบข่าวสารให้เขาในแง่ที่เขาเข้าใจได้
ส่งผลคุ้มค่าที่จะทำความเข้าใจวัฒนธรรมของผู้คน และเชื่อมโยงกับเขา ตามวัฒนธรรมดังกล่าว ผู้คนที่คุณอยู่อาศัยหรือทำงานพูดคุยถึงเรื่องอะไร เขามีความใฝ่ฝัน ความกังวล และความห่วงใยอะไรบ้าง สิ่งใดที่เป็นแรงกระตุ้นเขา และอะไรทำให้เขาเป็นเช่นนั้น เขายึดถือหลักการอะไร เขามีระบบค่านิยมเช่นไร โลกส่วนตัวของเขาเป็นอย่างไร
ขอให้แสวงหาพระองค์ว่าคุณจะแสดงออกและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ต่อคนรอบข้างได้อย่างไร ในแง่ที่เขาจะเข้าใจ มีส่วนช่วยได้ที่จะอธิษฐานเป็นระยะว่าวิธีการที่คุณมอบข่าวสารในปัจจุบันสอดคล้องและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้คนหรือไม่ ขอพระองค์ชี้ให้คุณเห็นว่าการกระทำ สัญลักษณ์ และถ้อยคำใดที่คุณนำมาใช้ได้ เพื่อช่วยให้เป็นไปได้ที่เขาจะเข้าใจความรักที่พระเจ้ามีต่อเขา
เช่นเดียวกับท่านเปาโล ท่านเป็นพยานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในหมู่คริสเตียน ขอให้เราพูดได้ว่า “ฉันกลายเป็นหนึ่งในผู้คนจากบ้านเมืองที่ฉันอาศัยอยู่ เพื่อจะได้ชนะใจเขา ฉันรู้จักที่จะเข้าใจเขา เห็นใจเขา และดำเนินชีวิตเหมือนเขา จนฉันบอกได้ว่าฉันเป็นหนึ่งในพวกเขา เพื่อฉันจะได้ชนะใจเขา ฉันกลายเป็นหนึ่งในคนที่ทำงาน ที่โรงเรียน ละแวกบ้าน และสโมสร เพื่อเขาจะได้รู้จักฉัน การที่ได้รู้จักฉัน และสัมผัสพระวิญญาณบริสุทธิ์ในใจฉัน เขาก็ได้รู้จักพระองค์ผู้สละชีวิตเพื่อเขาจะได้มีชีวิตนิรันดร์”
จัดพิมพ์ครั้งแรก เดือนมกราคม ค.ศ. 2012 ปรับเปลี่ยนและจัดพิมพ์ใหม่ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2015
[1] 1 โครินธ์ 9:20-22