งานมอบหมายหรืองานอาชีพ
แนวคิดที่มีประโยชน์หกข้อ เพื่อการงานที่ยากลำบาก
โดย บ็อบ โรบินสัน
วันจันทร์อีกแล้ว คุณกดปุ่มงีบบนนาฬิกาปลุกเป็นครั้งที่สอง ยากเหลือเกินที่จะลุกขึ้นจากเตียง เพื่อไปทำงานอาชีพที่รู้สึกว่าซ้ำซากจำเจ โดยที่คิดว่าเป็นการใช้พรสวรรค์และความสามารถพิเศษอย่างสูญเปล่า ทว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ นี่เป็นงานที่หาได้ และคุณต้องประทังชีพ (ทั้งยังต้องชำระค่าประกันสังคม และเงินที่กู้มาเรียนต่อ!) คุณไม่เพียงแต่ต้องการทำ “งาน” อะไรก็ได้ คุณต้องการทำ “งานมอบหมาย” คุณปรารถนาที่จะให้การงานของคุณถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า รับใช้เพื่อนมนุษย์ และเป็นงานที่คุณยินดีลุกจากเตียงมาทำ
ทว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป อาชีพการงานบางอย่างไม่สอดคล้องกับวิชาชีพของคุณ นั่นเป็นความจริง ทว่ามีทางที่จะเข้าใจสถานการณ์เกี่ยวกับงานของคุณในปัจจุบันไหม เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในความประสงค์ของพระเจ้า ต่อไปนี้เป็นแนวคิดหกประข้อเกี่ยวกับงานมอบหมาย ซึ่งเชื่อมโยงกับอาชีพการงาน
1. งานมอบหมายอันดับแรกของเราคือ การติดตามพระคริสต์ นี่หมายถึงการทำตามที่พระองค์มอบหมายไว้ให้เราทำในโลกนี้ ในฐานะตัวแทนภาพลักษณ์ของพระองค์ เราควรจะเป็นตัวแทนของพระเจ้าในชีวิตทุกด้าน ในฐานะผู้ติดตามพระคริสต์ เราควรจะส่งเสริมอาณาจักรของพระเจ้า ในฐานะมนุษย์ผู้มีสื่อสัมพันธ์กัน เราควรจะช่วยสร้างสันติสุข ในฐานะคริสเตียนผู้ยึดหลักพระคัมภีร์ เราควรจะดำเนินชีวิตตามบัญญัติข้อใหญ่ คือรักพระเจ้า และรักเพื่อนบ้าน รวมทั้งทำงานมอบหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ การสร้างสาวก ในขณะที่ดำเนินชีวิต
2. งานมอบหมายที่สองสืบเนื่องมาจากข้อหนึ่ง คือ พระเจ้ามอบหมายให้ผมทำอะไรโดยเฉพาะ เพื่อบรรลุผลตามงานมอบหมายหลัก ในสถานการณ์ที่เจาะจงของผม ผมทำสิ่งที่ผู้ติดตามพระคริสต์ควรจะทำในเชิงปฏิบัติได้อย่างไร อันที่จริงแล้ว นี่มีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมากกับความรู้สึกพึงพอใจในการงานของผม เพราะว่าเกี่ยวข้องกับการทำตามความประสงค์ของพระเจ้ามากกว่า ภายในสภาพแวดล้อมของการงานที่ผมทำอยู่ ผมทำงานเสิร์ฟ ขณะเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย การเป็นพนักงานเสิร์ฟไม่ใช่งานมอบหมายของผมแน่นอน ทว่าผมเป็นตัวแทนของพระเจ้าที่ร้านอาหาร ผมทำเท่าที่ทำได้เพื่อปลูกฝังค่านิยมที่ช่วยให้ความสัมพันธ์งอกงาม โดยทำงานร่วมกันเป็นทีม ถึงแม้ว่าผมไม่เคยมุ่งหมายที่จะเป็น “พนักงานเสิร์ฟมืออาชีพ” แต่ผมได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าพนักงานร่วมกับอีกคนหนึ่ง ผมสามารถชี้นำพนักงานเสิร์ฟให้มอบบริการชั้นยอด ผมพบความพึงพอใจ ไม่ใช่จากความรู้สึกว่าผมมีตำแหน่งหน้าที่ ทว่าจากความยินดีที่ได้พยายามทุกวัน เพื่อให้ธุรกิจของเราเป็นเลิศเท่าที่จะทำได้
3. ช่วงเวลาเฉพาะในชีวิตของเรา เราประกอบอาชีพต่าง ๆ ขอให้คิดดู อาชีพเป็นรูปแบบการดำรงชีพ เพื่อบรรลุผลตามงานมอบหมาย อาชีพไม่ได้บ่งบอกถึงงานมอบหมาย ทว่างานมอบหมายบ่งบอกถึงสิ่งที่เราทำในอาชีพการงาน อีกนัยหนึ่งก็คือ ข้อเท็จจริงที่ว่าคุณประกอบอาชีพที่ไม่ได้มีความปรารถนาแรงกล้า ไม่ได้หักล้างการที่คุณจะบรรลุผลตามงานมอบหมายหลัก ณ สถานที่นี้ ในช่วงเวลานี้ ผมไม่ได้มุ่งหมายที่จะเป็นพนักงานเสิร์ฟตลอดไป ทว่านั่นไม่ได้หยุดยั้งผมจากการทำตามที่ได้รับมอบหมาย
4. ไม่ว่าคุณจะประกอบอาชีพใด คุณก็ได้รับมอบหมายให้รับใช้เพื่อนมนุษย์เสมอ เพราะคุณเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ ผมจำได้ว่าต้องทนทุกข์ตอนที่เคยทำงานเซลล์ เป็นงานหนัก เป็นธุรกิจที่ต้องโทรหรือเที่ยวไปขายเครื่องแบบ เจ้านายผมเป็นอดีตทหารเรือ ผู้ซึ่งคิดว่าวิธีจูงใจฝ่ายขายได้ดีที่สุด คือการตะโกนใส่เรา ผมเคยคิดว่า “นี่เป็นงานที่พระเจ้ามอบหมายให้ผมทำได้อย่างไรกันนะ” ไม่ต้องบอกเลยว่าผมแทบไม่มีแรงจูงใจที่จะทำงานนี้เลย แต่แล้วผมจำที่ท่านเปาโลเขียนถึงทาสรับใช้ในเมืองโคโลสี ว่า “จงเชื่อฟังผู้ที่เป็นนายงานของตนทุกอย่าง ไม่ใช่ทำแต่ต่อหน้า เยี่ยงคนที่ประจบสอพลอ ทว่าทำด้วยน้ำใสใจจริง ด้วยความเคารพนับถือพระเจ้า ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จงทำด้วยความเต็มใจ เหมือนทำถวายพระองค์ ไม่ใช่ทำเพื่อมนุษย์ โดยที่รู้แล้วว่าท่านจะได้รับมรดกจากพระองค์เป็นบำเหน็จรางวัล เพราะท่านปรนนิบัติพระคริสต์”[1]
5. ในโลกที่เพียบพร้อม (เราต้องระลึกว่าไม่ใช่โลกที่เราอยู่ขณะนี้!) อาชีพที่ทำอยู่จะเชื่อมโยงกับงานมอบหมายโดยตรง พรสวรรค์ ทักษะ ความปรารถนาแรงกล้า ความยินดี และความสมปรารถนาในจุดประสงค์ของทุกสิ่งที่ทำ จะบ่งบอกออกมาในการงานที่ทำ นี่คือสิ่งที่เราทุกคนควรจะมุ่งมั่น นั่นเป็น “ส่วนที่น่าชื่นใจ” ซึ่งจะถวายสง่าราศีแด่พระเจ้าได้ดีที่สุด ทว่าไม่ได้มีพร้อมสรรพเสมอไปในชีวิตบางช่วง บางครั้งเราต้องเสียสละ เพราะสถานการณ์ที่เราประสบ หรือปัญหารอบข้าง สภาพที่เสื่อมถอยในโลกเป็นเหตุให้คริสเตียนต้องเสียสละ ซึ่งเขาคงไม่ต้องทำเช่นนี้ หากโลกดำเนินไปตามทางที่ถูกที่ควร อย่าเข้าใจผมผิด เพราะความพึงพอใจในการงานเป็นสิ่งที่แสนวิเศษ ทว่าความรู้สึกพึงพอใจสำหรับคริสเตียนควรจะลึกซึ้งกว่าการมีทุกสิ่งตามที่ต้องการ นี่เป็นเรื่องที่รับได้ยาก ทว่าเมื่อเราตกลงเป็นผู้ติดตามของพระคริสต์ พระเยซูบอกว่าเราต้องยอมแบกกางเขน คริสเตียนเรียนรู้ว่าจะได้รับความพึงพอใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อเสียสละ เมื่อเราทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า และรับใช้ผู้อื่น
6. งานมอบหมายหลักไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าสะท้อนให้เห็นในวิถีทางต่าง ๆ ต่างเวลา ต่างสถานที่ ตามที่พระเจ้าให้เราไปอยู่ พระเจ้าทราบว่าคุณจะได้งานในที่ซึ่งคุณทำงานอยู่ขณะนี้ พระองค์ทราบว่านี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางสูงสุด ในการบรรลุผลตามงานมอบหมาย พระองค์ทราบด้วยว่ามีสิ่งที่พระองค์มอบหมายให้คุณทำ เพื่อถวายสง่าราศีแด่พระองค์ ในสถานที่เฉพาะ ในช่วงเวลาเฉพาะ พระองค์ทราบด้วยว่าประสบการณ์นี้จะช่วยคุณให้พร้อมรับสิ่งที่พระองค์เตรียมไว้ให้คุณในอนาคต แปลกแต่จริง เมื่อผมนึกย้อนหลังไป การงานทุกอย่างที่ผมทำมาตลอดชีวิต อาชีพทั้งหมดที่ตอนนั้นผมคิดว่าไม่มีความหมาย อันที่จริงแล้วได้มอบประสบการณ์สูงค่า ซึ่งเตรียมผมให้พร้อมที่จะบรรลุผลตามงานมอบหมายในชีวิตภายหลัง อย่าหมิ่นพลังอำนาจสูงสุดของพระเจ้า! คล้ายกับคำอุปมาอุปไมยเรื่องเงินตะลันต์ เราสัตย์ซื่อหรือเปล่ากับสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เราทำในวันนี้ เพื่อเราจะได้เตรียมพร้อมสำหรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคต
http://www.thehighcalling.org/faith/calling-vs-occupation-five-helpful-ideas-help-you-difficult-job
© 2001 - 2011 H. E. Butt Foundation โดยได้รับอนุญาตให้นำมาจัดพิมพ์จาก Laity Lodge and TheHighCalling.org บทความโดย ร็อบ โรบินสัน จัดพิมพ์ที่ไซท์ Anchor สิงหาคม ค.ศ. 2013
[1] โคโลสี 3:22-24