ธันวาคม 18, 2014
คนจำนวนมากคิดว่าคริสต์มาสเป็นเทศกาลซึ่งมีช่วงเวลานานที่สุดในรอบปี เขาไม่ต้องไปทำงานหรือไปโรงเรียน เขาจะได้ “หยุดพักช่วงคริสต์มาส” ส่วนคนอื่นๆ ต้องทำงานหนักตอนเทศกาลคริสต์มาส! ช่วงเวลานี้ผู้คนมักจะยุ่งมาก เขารีบร้อนและเที่ยววิ่งวุ่นแย่งซื้อของตามห้างร้านกับฝูงชนที่แห่กันไปซื้อของขวัญให้ญาติพี่น้อง มิตรสหาย และคนรู้จัก
น่าเสียดายที่ว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นเหตุให้ผู้คนหลงลืมความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาสไปเสีย บัตรอวยพรและเครื่องประดับส่วนใหญ่ในปัจจุบันเพียงบ่งบอกว่า “ฉลองเทศกาล” โดยไม่ได้เอ่ยถึงคริสต์มาสเลย ต้นคริสต์มาส ไฟหลากสี ของขวัญ มนุษย์หิมะ จิงเกิ้ลเบล และขนมนานาชนิด ฯลฯ คือสิ่งที่ผู้คนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองเทศกาล นอกจากนี้ มีเรื่องที่ผู้ปกครองเล่าให้เด็กๆ ฟังถึงเฒ่าใจดี ชื่อซันตาคลอส หนวดเครายาว ขี่เลื่อนบรรทุกของขวัญเต็ม โดยมีกวางเหาะลากเลื่อนลอยมาจากท้องฟ้า! แน่นอนว่าเด็กๆ พากันตั้งตารอคอยให้ถึงคริสต์มาส เมื่อซันตาคลอสจะเอาของเล่นใหม่ๆ ของขวัญ และขนมมาให้เขาตามที่ใจปรารถนา
ดูเหมือนว่าผู้คนหลงลืมและมองข้ามความหมายที่แท้จริงของคริสต์มาสไปเสีย ทว่าคริสต์มาสมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่าต้นคริสต์มาส เครื่องประดับประดา ซันตาคลอส ของขวัญ และวัตถุสิ่งของนานัปการ ซึ่งผู้คนในปัจจุบันหลงเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคริสต์มาส ถ้าเราเลิกใส่ใจกับสิ่งที่ทำให้เขาไขว้เขว เราก็จะค้นพบแก่นแท้และความน่าอัศจรรย์ใจอันแสนวิเศษของคริสต์มาส เพราะคริสต์มาสเป็นการฉลองวันที่พระเจ้าส่งความรักของพระองค์ลงมาสู่โลกนี้ ในร่างทารกน้อยผู้บอบบางและช่วยตัวเองไม่ได้ เมื่อ 2000 ปีก่อน
พระเยซูถือกำเนิดขึ้นมาจากหญิงสาวผู้ต่ำต้อย ซึ่งตั้งครรภ์อย่างมหัศจรรย์ โดยที่ไม่เคยหลับนอนกับชายใดมาก่อน อันที่จริงแล้ว ข่าวการตั้งครรภ์ของนางเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เมื่อชายที่หมายหมั้นว่าจะแต่งงานกับนางรับรู้ เขาก็ตัดสินใจถอนหมั้นทันที จนกระทั่งทูตสวรรค์มาปรากฏและบอกให้เขาอยู่กินกับนาง เพื่อเลี้ยงดูและปกป้องทารกที่พิเศษมากผู้นี้
แม้ว่าทารกจะถูกลิขิตไว้ให้เป็นราชา อันที่จริงแล้วเป็นจอมราชา แต่ท่านไม่ได้ถือกำเนิดในพระราชวังโอ่อ่า พรั่งพร้อมด้วยข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้าถวายพระเกียรติ และได้รับการยกย่องสรรเสริญจากชาวโลก แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ท่านถือกำเนิดบนพื้นโรงนา ท่ามกลางฝูงวัวฝูงลา มีผ้าเก่าๆ พันกาย และนอนอยู่ในรางที่ให้อาหารสัตว์
วันเกิดของท่านไม่มีการประโคมข่าวครั้งใหญ่ หรือไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการจากสถาบันและฝ่ายปกครองของมนุษย์ ทว่าในคืนนั้นบนเนินเขาใกล้ๆ ผู้เลี้ยงแกะที่ยากจนกลุ่มหนึ่งตกตะลึงกับแสงสว่างเจิดจ้าส่องลงมาจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เหล่าทูตสวรรค์ร้องประกาศว่า “สง่าราศีแด่พระเจ้าผู้สูงสุด สันติสุขมีแด่ชาวโลกผู้ใฝ่หาความดี! ในวันนี้พระคริสต์ผู้ช่วยให้รอดมากำเนิด!”[1]
ในแดนตะวันออกไกล มีสัญญาณอีกประการหนึ่งในท้องฟ้าประกาศถึงเหตุการณ์นี้ เป็นดาวเจิดจ้าดวงใหม่ที่ดึงดูดความสนใจของนักปราชญ์กลุ่มหนึ่ง เขาตระหนักถึงนัยสำคัญและติดตามดาวดวงนั้นมา เขาเดินทางข้ามทะเลทรายกว้างไกล ขณะที่ดวงดาวนำเขามาถึงที่พำนักของเด็กน้อยในเมืองเบ็ธเลเฮ็ม เขานำเครื่องบรรณาการมาถวายเป็นเกียรติแก่ท่าน
บิดาในโลกของท่านเป็นช่างไม้ เป็นคนตัดไม้ผู้ต่ำต้อย ซึ่งท่านพักอาศัยอยู่ด้วย และช่วยทำงาน ท่านปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของมนุษย์ ท่านทำตามธรรมเนียม พูดจา และมีความเป็นอยู่ตามประสามนุษย์ เพื่อท่านจะได้เข้าใจและรักเรามากยิ่งขึ้น เมื่อท่านเห็นความทุกข์ยากของมนุษย์ ท่านเกิดความเมตตากรุณาเขา ท่านไม่เพียงแต่ต้องการรักษาร่างกายที่เจ็บป่วยและทรุดโทรมของเขาเท่านั้น ทว่าต้องการให้จิตวิญญาณของเรามีความรอดชั่วนิรันดร์
เมื่อท่านเริ่มงานที่เป็นพันธกิจในชีวิต ท่านไปทุกหนทุกแห่งเพื่อทำความดี ช่วยเหลือผู้คน รักเด็กๆ สมานใจที่ปวดร้าว เสริมสร้างพละกำลังให้แก่ร่างกายที่อ่อนเปลี้ย และช่วยทุกคนเท่าที่จะทำได้ ท่านไม่เพียงประกาศข่าวสาร แต่ท่านใช้ชีวิตตามนั้น ท่ามกลางคนธรรมดาสามัญ โดยเป็นคนหนึ่งในพวกเขา ท่านไม่เพียงหล่อเลี้ยงเขาด้วยปัจจัยทางวิญญาณ ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่จัดหาปัจจัยทางวัตถุให้แก่เขาด้วย ท่านรักษาเขาอย่างมหัศจรรย์ในยามที่เขาเจ็บป่วย เลี้ยงอาหารเขาในยามที่เขาหิวโหย ท่านแบ่งปันชีวิตและความรักให้กับเขา
ท่านไม่ได้ประกาศถึงพิธีการสลับซับซ้อน หรือระเบียบการทางศาสนาที่ยุ่งยากใดๆ ท่านเพียงแต่ประกาศถึงความจริงและความรัก ท่านแสดงให้เห็นความรัก ขณะมุ่งมั่นที่จะนำลูกๆ ของพระเจ้าไปสู่อาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งมีกฎให้ “รักพระองค์สุดหัวใจ” และ “รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[2] ท่านไม่มีชื่อเสียง ทว่าเป็นมิตรสหายกับคนบาป พวกที่ไม่มีใครคบหา และกากเดนสังคม
ขณะที่ข่าวสารเรื่องความรักของท่านแพร่ไปทั่ว และผู้ติดตามของท่านทวีจำนวนขึ้น ผู้นำขี้อิจฉาในวงการศาสนาที่มีหลักฐานมั่นคงยุคนั้น จึงตระหนักว่าช่างไม้ที่ไม่เคยมีใครรู้จักผู้นี้ กลับกลายเป็นภัยต่อเขา ผลที่สุดเขาสั่งจับท่านในข้อหาเท็จว่ายุยงปลุกปั่นผู้คน ถึงแม้ผู้ว่าการโรมันเห็นว่าท่านไม่มีความผิดที่จะดำเนินคดี แต่เขาถูกบีบคั้นโดยผู้มีอิทธิพลทางศาสนาในสมัยนั้น ซึ่งเกลี้ยกล่อมให้ประหารท่านเสีย ทว่าสามวันต่อมา หลังจากร่างที่ไร้ชีวิตของท่านนอนสงบอยู่ในหลุมฝังศพที่เยือกเย็น ท่านฟื้นคืนชีพ โดยได้รับชัยชนะเหนือความตายและขุมนรกตลอดไป!
บุรุษผู้นี้คือพระเยซูคริสต์ ท่านไม่ใช่เพียงศาสดา นักปรัชญา บรมครู รับบี หรือกูรู ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระเจ้าคือพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่ผู้เนรมิตจักรวาล ท่านเป็นพระวิญญาณผู้ทรงอานุภาพทั้งสิ้น ล่วงรู้ทุกสิ่ง สถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมีส่วนในทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านเหนือล้ำความเข้าใจที่มีขีดจำกัดตามประสามนุษย์ของเรา ท่านจึงได้ส่งพระเยซูลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อแสดงให้เราเห็นว่าท่านเป็นอย่างไร และช่วยนำเราไปสู่ท่าน ถึงแม้ว่าจะมีบรมครูหลายคนเคยบอกกล่าวและสั่งสอน ถึงเรื่องความรักและเรื่องพระเจ้า ทว่าพระเยซูเป็นความรัก และเป็นพระเจ้า ท่านเป็นผู้เดียวที่พลีชีพเพื่อบาปของชาวโลก และฟื้นคืนชีพ ท่านกล่าวว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดา เว้นไว้มาทางเรา”[3]
คุณอยากทราบและล่วงรู้โดยปราศจากข้อสงสัยข้องใจใดๆ ไหม ว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้าจริง และเป็นหนทางไปสู่ความรอด คุณทราบได้ คุณเพียงแต่อธิษฐานอย่างจริงใจด้วยความถ่อมตน ขอให้ท่านเข้ามาสู่จิตใจคุณ และยกโทษบาปทั้งหลายที่คุณก่อ ขอให้ท่านเติมเต็มชีวิตคุณด้วยความรักและสันติสุข
ท่านมีจริง และท่านรักคุณ ท่านรักคุณมากเหลือเกิน จนยอมทนทุกข์และพลีชีพเพื่อบาปของคุณ คุณจะได้ไม่ต้องชดใช้หนี้กรรม ถ้าหากคุณรับท่านไว้ และรับของขวัญฟรีจากท่าน คือชีวิตนิรันดร์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระเจ้าทรงรักโลก [คุณและฉัน] จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”[4]
ท่านเป็นกำนัลคริสต์มาสดั้งเดิมที่พระเจ้ามอบให้ชาวโลกด้วยความรัก ท่านบันดาลให้ “สุขสันต์ X มาส” ที่ว่างเปล่า กลับกลายเป็นคริสต์มาสที่น่าชื่นชมยินดีได้อย่างแท้จริง! ทั้งบันดาลให้ความปรารถนาที่จะมี “สุขสันต์ปีใหม่” เป็นชีวิตจริงได้! ดังนั้น ขอให้รักและดำเนินชีวิตเพื่อท่านตอนนี้ คุณจะได้ชื่นชมท่านและสวรรค์ตลอดไป! ขอพระเจ้าอวยพรคุณ และช่วยให้คุณเป็นพรต่อผู้อื่นด้วยความรักของท่าน
จัดพิมพ์ครั้งแรก ปี ค.ศ. 1986 ปรับเปลี่ยนและจัดพิมพ์ใหม่ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2014
Copyright © 2024 The Family International