ชีวิตและความงามภายภาคหน้า

มีนาคม 11, 2013

โดยพระเยซู กล่าวในคำพยากรณ์

มีน้อยคนที่เข้าใจว่าการเป็นสาวกของเราต้องเสียค่าแลกเปลี่ยนอะไรบ้าง เจ้าต้องเสียสละ ถวายตัว อุทิศเวลา แรงงาน ทุนทรัพย์ มอบความรักและพระคำของเราให้แก่ผู้อื่น โดยเป็นพยานอย่างสัตย์ซื่อ ในโลกที่ผู้คนเย็นชาและมืดมนลงทุกที เจ้าทำทุกสิ่งด้วยความปรานีและความถ่อมตน

ถึงแม้ว่าคนอื่นอาจไม่เข้าใจทุกสิ่งที่เจ้ามอบให้ในตอนนี้ แต่เราเข้าใจ “พระองค์ผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับ จะโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน”[1] วันนั้นอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อถึงวันนั้น ทุกสิ่ง เราขอกล่าวย้ำว่า ทุกสิ่งที่เราเห็นในที่ลี้ลับ เราจะมอบบำเหน็จรางวัลให้อย่างเปิดเผย ความกรุณาทุกอย่างที่เจ้าหยิบยื่นให้ คำอธิษฐานทุกครั้งที่เจ้าอธิษฐาน การเป็นพยานทุกครั้ง ของกำนัลที่มอบให้ด้วยความเสียสละ น้ำตาทุกหยดที่หลั่งให้ผู้อื่น เรื่องทุกข์ใจทุกอย่างที่เจ้าประสบ เพื่อทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เจ้ามอบให้เพื่อสนับสนุนผู้อื่น ทุกสิ่งที่เจ้ามอบให้ในที่ลี้ลับ หรือไม่มีใครรู้เห็น หรือตระหนักในชีวิตนี้ จะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างเปิดเผย

ดังคำกล่าวที่ว่า “ทุกสิ่งที่มอบให้จากใจจะไม่สูญเปล่า ทว่าจะถนอมไว้ในใจผู้อื่น” ในกรณีนี้ การที่เจ้ามอบให้และเสียสละ ก็ไม่เพียงถนอมไว้ในใจผู้ที่เจ้าหยิบยื่นและเสียสละให้เท่านั้น ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด จะถนอมไว้ในใจเรา เราสังเกตเห็น และบันทึกไว้ในรายงานบนสวรรค์ ถึงผลสำเร็จในชีวิตเจ้า และบันทึกไว้ในรายการของเราที่ “ต้องมอบบำเหน็จรางวัล ให้เกียรติ และเลี้ยงฉลอง”

มีบันทึกผลสำเร็จในชีวิตเจ้า การกระทำที่เปี่ยมด้วยความรักและการเสียสละ โดยไม่พลาดอะไรเลย แม้แต่คำอธิษฐานสั้นๆ ที่เจ้าอธิษฐานเผื่อผู้อื่น หรือถ้อยคำใดๆ จากใจกรุณาที่เจ้ากล่าว

ขอให้ถือว่าการกระทำแต่ละอย่าง หรือทุกถ้อยคำจากใจกรุณา การเป็นพยานแต่ละครั้งที่เจ้ามอบให้ มีค่ามหาศาล เราละเอียดลออมากในการจดบันทึก ไม่มีอะไรพลาดไปเลย วันหนึ่งเจ้าจะพบว่าส่วนใหญ่ที่เราจะเลี้ยงฉลองในชีวิตภายภาคหน้า คือสิ่งที่เจ้าหลงลืมไปแล้ว หรือสิ่งที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สลักสำคัญ ที่เจ้าถือว่าไม่มีผลอะไร ทว่าไม่มีสิ่งใดพลาดสายตาเราเลย

ดังนั้นขอให้คงไว้ซึ่งวิสัยทัศน์จากสวรรค์ ทำสมาธินึกถึงชีวิตภายหน้า นึกถึงความงาม สง่าราศี และบำเหน็จรางวัลทุกอย่าง เมื่อเจ้าคงไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ดังกล่าว เรื่องทุกข์ร้อน บททดสอบ และความท้อใจในแต่ละวัน จะมีมุมมองที่ถูกต้อง นี่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เจ้ารู้สึก ต้องประสบ และภาระที่แบกไว้ ไม่ใช่ความเป็นจริง ทว่าวิสัยทัศน์จากสวรรค์ช่วยให้เห็นเหตุผลกระจ่างชัด ว่าเหตุใดเจ้าจึงประสบสิ่งเหล่านี้ เจ้าจะมีความเข้าใจดีขึ้น ได้รับการฟื้นฟู และมีแรงจูงใจให้แบกกางเขนที่เจ้าแบกไว้ด้วยความสัตย์ซื่อต่อไป

เมื่อเจ้าถูกล่อใจให้รู้สึกท้อแท้ ขอให้นึกถึงวิสัยทัศน์จากสวรรค์ เมื่อเจ้าเหน็ดเหนื่อยและอ่อนใจ นึกถึงวิสัยทัศน์จากสวรรค์ เมื่อเจ้ารู้สึกโดดเดี่ยว นึกถึงวิสัยทัศน์จากสวรรค์ เมื่อเจ้ารู้สึกราวกับว่าคำพยานเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา นึกถึงวิสัยทัศน์จากสวรรค์ วิสัยทัศน์จากสวรรค์เป็นตัวแทน “ชาวสวรรค์” นับพันที่ร้องเชียร์เจ้าจากแดนสวรรค์ เขาอธิษฐานเผื่อเจ้า ขอให้ศรัทธาของเจ้าไม่สั่นคลอน เขามอบความรักให้เจ้า เขากระซิบให้เจ้ามีความหวังและกำลังใจ วิสัยทัศน์จากสวรรค์คือการที่เราเคียงข้างเจ้า ใกล้ชิดยิ่งกว่าเพื่อน และใกล้ชิดที่สุดเสมอ เมื่อเจ้ามีความจำเป็นอย่างที่สุด

*

ลองนึกภาพดู เป็นภาพสนามกีฬาขนาดมหึมา เต็มไปด้วยคนหลายแสนคน เป็นตอนจบ และฝูงชนปรบมือ โห่ร้อง กรี๊ดกร๊าด และผิวปากกันเซ็งแซ่ ขณะที่ยืนปรบมือชมเชย มีเศษกระดาษหลากสีโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า มีพลุกึกก้องอยู่เหนือศีรษะ มีเสียงดนตรีดังกระหึ่ม และมีแถบกระดาษล่องลอยตามสายลม ยามค่ำที่น่าชื่นใจ ดูเหมือนว่าเสียงปรบมือดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุด จนผลที่สุดก็กลบด้วยเสียงที่พร้อมเพรียงเป็นกันเสียงเดียวกันว่า “อีกที! อีกที! อีกที!” ผู้คนร้องตะโกน

เจ้าก้าวขึ้นมาบนแท่น แทนที่ฝูงชนจะเงียบเสียง เสียงปรบมือชมเชยดังก้องยิ่งขึ้นอีก ขณะที่วงออเคสตร้าเริ่มบรรเลงอีกครั้ง เจ้าคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ นี่เป็นการฉลองที่แท้จริงของเจ้า

นี่คือตัวอย่างสิ่งที่เราเตรียมไว้สำหรับเจ้า อีกหลายปีนับจากนี้ไป เมื่อการงานของเจ้าบนโลกนี้สิ้นสุดลง เจ้ามายืนต่อหน้าชาวสวรรค์ เพื่อรับบำเหน็จรางวัล สำหรับชีวิตที่ใช้อย่างคุ้มค่า และการงานที่ทำเป็นอย่างดี ตอนนี้แหละท่ามกลางเสียงแซ่ซ้อง เจ้าก็ได้ยินเราป่าวประกาศว่า “ดีแล้ว ผู้รับใช้ที่แท้จริงและสัตย์ซื่อ สหายและคนรักของเรา มาร่วมยินดีกับนายเถิด” ตอนนี้แหละเจ้าจะได้เห็นชาวสวรรค์ ได้แก่ ข้าราชสำนัก ทูตสวรรค์ และผู้คนของเรา ยืนขึ้นชมเชยเจ้าสำหรับการงานที่ทำได้ดี ติดตามด้วยการโค้งคำนับให้เกียรติและความเคารพ สำหรับชีวิตเจ้าที่ดำเนินอยู่ด้วยความเสียสละ ศรัทธา ความรัก และเป็นเกียรติต่อนามของเรา

ถ้าเจ้าถูกล่อใจให้จมปลักอยู่กับปัจจุบัน กับสภาพการณ์ที่สลับซับซ้อน ความยากลำบาก เรื่องทุกข์ร้อนใจ และบททดสอบต่างๆ ขอให้หยุดและใช้เวลาสักครู่นึกถึงวันนั้นที่จะมาถึง นึกภาพทุกสิ่งที่แสนวิเศษที่เราเตรียมไว้ให้เจ้า เกียรติยศที่จะเป็นของเจ้า เมื่อเจ้ามาถึงที่นี่

นี่ไม่ใช่จินตนาการที่แปลกประหลาดหรือเพ้อฝัน ถึงสิ่งที่คอยท่าเจ้าอยู่ อันที่จริงแล้ว เจ้าไม่อาจเริ่มนึกภาพได้ด้วยซ้ำ ถึงทุกสิ่งที่แสนวิเศษที่เราเตรียมไว้ให้เจ้า ตาไม่เคยเห็น หูไม่เคยได้ยิน ถึงสิ่งที่เราเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักเรา[2] แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้ารู้ได้ก็คือ จินตนาการของเจ้าเทียบกับของเราไม่ติดเลย ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ!

ขอให้ลองนึกฝันดูสักหน่อย กล้าจินตนาการ ปลีกตัวไปจากความห่วงใย ภาระ และความกังวลในชีวิตนี้ โดยส่งวิญญาณเจ้าทะยานไปสู่อนาคต ให้ความนึกคิดของเจ้าเหินไปสู่แดนสวรรค์ ที่ซึ่งชีวิตเจ้าในโลกที่เสียสละทุกวัน โดยการทำงานหนัก และรับใช้เราอย่างสัตย์ซื่อ จะเป็นที่ยอมรับนับถือ และเลี้ยงฉลองกันทุกวัน

เจ้าไม่อาจเริ่มนึกฝันได้ว่าจะเป็นเช่นไร เมื่อเดินไปตามถนน และคนที่เจ้าเดินผ่านจะรู้จักเจ้า และทักทายเจ้าด้วยการคำนับ โดยยกย่องชมเชย สรรเสริญ และสำนึกถึงผลสำเร็จในชีวิตของเจ้า ทว่าจะเป็นเช่นนี้สำหรับเจ้าในวันข้างหน้า เจ้าคือวีรบุรุษในละครโรงใหญ่ของโลกนี้

ดังนั้นอย่าให้วิสัยทัศน์ของเจ้าถูกกลบกลืนด้วยความท้าทายของวันนี้ ทว่าดำเนินชีวิตในการเลี้ยงฉลองของอนาคต คือโลกแสนวิเศษที่คอยท่าเจ้าอยู่!

จัดพิมพ์ครั้งแรก มีนาคม ค.ศ.2009 แก้ไขปรับปรุงและจัดพิมพ์ใหม่ มกราคม ค.ศ.2013



[1] มัทธิว 6:4

[2] 1 โครินธ์ 2:9

 

Copyright © 2024 The Family International